วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

Role Models

Do what you know best
Tina Fey

ทีน่า เฟย์ นักเขียนบทคอมเมดี้ชาวอเมริกันวัย 39 กะรัตผู้ประสบความสำเร็จในวงการโทรทัศน์สูงสุดคนหนึ่ง เธอได้รับรางวัลการันตีความสามารถมากมายทั้งแซก เอมมี่ ไปจนถึงลูกโลกทองคำ จากซีรีย์สตลกขวัญใจนักวิจารณ์ 30 Rock ที่เธอทำหน้าที่ตั้งแต่โปรดิวซ์ เขียนบท ไปจนถึงแสดงนำ ผลงานสร้างชื่ออื่นๆ รวมถึงหนังตลกวัยรุ่น Mean Girls นำแสดงโดยลินด์ซีย์ โลฮาน และเรเชล แม็คอดัมส์ นอกจากนี้เธอยังเป็นศิษย์เก่าของ Saturday Night Live วาไรตี้โชว์สุดฮิตเป็นเวลาช้านานของอเมริกา โดยบทบาทที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงสูงสุดของเธอคงจะไม่พ้นทุกมุกที่ล้อเลียน Sarah Palin ด้วยความที่... ไม่น่าถามนะ หน้าเหมือนกันปานคลานตามกันมาซะขนาดนั้น


โดยส่วนตัวแล้วเราเป็นคนชอบดูอะไรก็ตามที่เป็นคอมเมดี้มาก โดยเฉพาะซิทคอมนี่ดูแทบทุกเรื่อง แต่เรารู้จักเฟย์จริงๆ ก็ตอนได้ดู Mean Girls นี่แหละ มันเป็นหนึ่งในหนังตลกในดวงใจตลอดกาลของเราด้วยความที่บทมันฉลาด จิกกัดสังคมไฮสคูลของอเมริกันชนได้ถึงพริกถึงขิง ที่สำคัญมันน่าติดตาม และตลกมากๆ ด้วย ในเรื่องนี้เฟย์รับบทเป็นครูประจำชั้นของนางเอกซึ่งบทไม่เด่นอะไรนัก จนมาทีหลังเราได้รู้ว่าแม่คนนี้นี่เองที่เขียนบท หลังจากนั้นก็เลยลองดู Saturday Night Live ที่รีรันในทีวีตอนเราไป Work & Travel ซึ่งก็ขำมากๆ (เฉพาะมุกที่เราฟังรู้เรื่องอะนะ) ความประทับใจในตัวเฟย์ก็เลยยิ่งเพิ่มพูนซึ่งประจวบเหมาะพอดีกับตอนที่มีคนแนะนำให้เราดูคอมเมดี้ซีรีย์ส 30 Rock เท่านั้นแหละ ปรอทแตกครับท่านผู้ชม มันเป็นซีรีย์สที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งทั่วทั้งหล้านี้ บทของมันทั้งตลก วิพากษ์สังคมในขอบเขตที่กำลังน่ารัก และไม่พยายามทำตัวให้ดูฉลาดเกินกว่าที่มันควรจะเป็น


ชีวิตของเฟย์อาจฟังไม่ดราม่าเท่าไหร่เพราะมันไม่ได้เต็มไปด้วยเรื่องราวอันแสนเศร้าหรือสอนบทเรียนชีวิตแสนลำเค็ญจนต้องให้คุณไตรภพมามอบรถเข็นให้ เธอเรียนจบการละครและเรียนต่อที่ The Second City สถาบันสอนอิมโพรไวซ์คอมเมดี้ชื่อดังที่ซึ่งเฟย์มุ่งหน้าสู่เส้นทางของบทตลกอย่างเต็มตัว จนในที่สุดเธอก็ได้เข้าร่วมทีม SNL และกลายเป็นหัวหน้าทีมเขียนบทในเวลาต่อมา บทเรียนสำคัญที่เราได้เรียนรู้จากเฟย์ก็คือ ไม่มีสิ่งใดที่เราจะทำได้ดีไปกว่าสิ่งที่เรารู้จักดีที่สุด ใน 30 Rock เฟย์เขียนให้ตัวเองมารับบทลิซ เลมอน หัวหน้าทีมเขียนบทของคอมเมดี้โชว์ทางทีวีเรื่องหนึ่ง ซึ่งถ่ายทำในสตูดิโอใน 30 Rockfeller Plaza ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเรื่อง และแน่นอนก็มีเรื่องราววุ่นๆ เกิดขึ้นมากมายในสำนักงานแห่งนี้ คงไม่ต้องเดาให้ยากว่าเฟย์แต่งเรื่องพวกนี้มาจากไหนถ้าไม่ใช่จากประสบการณ์ตรงสมัยทำงานใน SNL ซึ่งในที่สุดก็เป็นผลงานชิ้นนี้เองที่ส่งให้เธอกลายเป็นนักเขียนบทมือทองของวงการจอแก้วอเมริกา


Find out who you really are
Utada Hikaru

อูทาดะ ฮิคารุ ศิลปินสาวชาวญี่ปุ่นอายุ 26 ปีผู้ครองตำแหน่งมีอัลบั้มที่มียอดขายสูงสุดตลอดกาลของญี่ปุ่น First Love อัลบั้มแรกของอูทาดะในวัยสิบหกขายได้กว่า 7 ล้านก๊อปปี้ทั่วญี่ปุ่น ส่งให้เธอกลายเป็นซูเปอร์สตาร์เพียงชั่วข้ามคืน จนมาถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่าสิบปีแล้วที่อูทาดะยังคงรักษาตำแหน่งศิลปินแถวหน้าของญี่ปุ่น คงจะไม่เกินจริงไปนักหากกล่าวว่ามันจะคงบ้ามากถ้าจะมีชาวญี่ปุ่นคนไหนที่ไม่รู้จักชื่อของเธอ


ความสำเร็จของอูทาดะนั้นมากมายหลายหลากจนยากที่จะพรรณนาที่นี่หมด ฉะนั้นจะขอเปลี่ยนเรื่องมาพูดถึงเนื้องานของเธอแทน ด้วยชาติกำเนิดจากครอบครัวนักดนตรีขนานแท้เพราะพ่อของเธอเป็นโปรดิวเซอร์ ส่วนแม่ก็เป็นนักร้องเพลงพื้นบ้านชื่อดังของญี่ปุ่น จึงไม่น่าแปลกใจที่อูทาดะจะมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนของการทำเพลง ตั้งแต่แต่งทำนอง เนื้อร้อง ไปจนถึงเรียบเรียงดนตรี เนื้อเพลงของเธอมีความหลากหลายได้ทั้งลึกซึ้งกินใจ สนุกสนาน หรือแม้แต่เสียวซ่าน ซึ่งล้วนแล้วแต่อยู่บนพื้นฐานของความแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ เรียกว่าอ่านปุ๊บก็รู้ปั๊บว่าใครแต่ง แต่ใครจะเชื่อว่าเจ้าของเนื้อร้องที่สามารถสร้างผลกระทบให้กับคนฟังได้อย่างรุนแรงคนนี้กลับรู้สึกว่าเธอ ...ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร


อูทาดะเกิดในมหานครนิวยอร์คและใช้ช่วงชีวิตในวัยเด็กสลับไปมาระหว่างอเมริกากับญี่ปุ่น เธอจึงรู้สึกเสมอว่าตัวเองเป็นคนนอกไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน และด้วยวัยเพียง 19 อูทาดะตัดสินใจแต่งงานกับสามีผู้กำกับภาพยนตร์ที่อายุมากกว่าเธอเป็นรอบ และจบลงด้วยการหย่าร้างเมื่อเธออายุได้ 24 ในบทสัมภาษณ์หนึ่งเธอเล่าว่าสามีชอบเฝ้าแต่ถามเธอว่าคุณต้องการอะไรในชีวิต คำตอบกลับมีแต่เพียงความเงียบไม่ใช่เพราะเธอไม่อยากตอบ แต่เป็นเพราะไม่รู้จะตอบว่าอะไร เธอตระหนักว่าลึกลงไปแล้วเธอกลับไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่าความต้องการของตัวเองคืออะไร ไม่เคยวางแผนใดๆ ในชีวิต และท้ายที่สุดไม่รู้ว่าตัวเองคือใคร เธอกล่าวว่าผลงานเพลงที่เธอเคยเขียนแม้จะฟังดูลึกซึ้งและคมคายเพียงใด สำหรับเธอก็เป็นเพียงผลผลิตจากความพยายามของเด็กสาวผู้ไม่เคยมั่นใจในตัวเองเท่านั้น แต่หลังจากการหย่างานเพลงของอูทาดะก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน มันฟังง่าย สว่างสดใสขึ้น และที่สำคัญคือจริงใจขึ้น วุฒิภาวะที่พ้นผ่านทำให้อูทาดะเรียนรู้ที่จะทำความรู้จักกับตัวเอง เธอโอบกอดความหมายของชีวิตและเติบโตอย่างมั่นใจโดยให้ความว่างเปล่าในอดีตทำหน้าที่เป็นบทเรียน


สำหรับเรา จากที่เคยแค่ชื่นชมงานเพลงของเธอ พอได้อ่านบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้แล้วอูทาดะก็ไม่ได้อยู่ๆ กลายเป็นฮีโร่ของเราซะเฉยๆ เพียงแต่รู้สึกเหมือนมีเธอเป็นเพื่อนร่วมทางมากกว่า เราเชื่อว่าทุกคนล้วนต้องเคยรู้สึกถึงพื้นที่ว่างในจิตใจและถามตัวเองว่าเราเป็นใคร เกิดมาเพื่ออะไร คำตอบที่เหมาะสมและไม่หลอกตัวเองอาจต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อค้นหา แต่ไม่มีวันสายเกินไปที่จะเริ่มต้นการเดินทางนี้ อูทาดะเองยังหาคำตอบไม่พบ เราเองยังหาคำตอบไม่พบ แต่ก็ยังเชื่อเสมอว่าเมื่อประสบการณ์ขัดเกลาเราให้เจริญเติบโตเพียงพอ สุดท้ายแล้วคำตอบที่จะเปลี่ยนทุกอย่างในชีวิตจะต้องมาถึง


คุณค่าทางจิตใจเหนือสิ่งอื่นใด
ปู่

ปู่ของเราเป็นครู ชาวนา และเป็นคนที่เลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เกิด ปู่อายุ 87 ปีแล้วแต่ยังคงแข็งแรง ปู่ชอบขี่จักรยานไปไหนมาไหนเองทุกวัน เราได้สัมผัสวิถีชีวิตอันเรียบง่ายของปู่มาตลอด แม้ปู่จะไม่ได้ประสบความสำเร็จร่ำรวยล้นฟ้า แต่สำหรับเราปู่เป็นต้นแบบของการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข


ตั้งแต่เราจำความได้ ปู่จะเป็นคนแรกที่เราเห็นทุกเช้ามืดที่ตื่นขึ้นมา พ่อแม่เราออกไปทำงานตั้งแต่ก่อนที่เราจะตื่นเพราะต้องเดินทางไกล เราจะลุกจากเตียงแล้วหอบผ้าห่มมานอนที่ห้องนั่งเล่นแล้วเปิดทีวีทิ้งไว้ ระหว่างนั้นเองปู่ก็จะเดินวนเวียนไปกลับระหว่างบ้านเรากับบ้านปู่กับย่า เตรียมอาหารเช้าให้เรา หรือไม่ก็ออกไปกวาดใบไม้ที่ลานหน้าบ้าน พอได้เวลาปู่จะบอกให้เราไปอาบน้ำแล้วมากินข้าว ปู่จะหิ้วกระเป๋านักเรียนเราออกไปยืนรอรถโรงเรียนตรงทางเดินหน้าบ้าน กินข้าวเสร็จเราก็ออกไปยืนรอรถกับปู่ เช้าบางวันอย่างในหน้าหนาวที่ฟ้ายังไม่ทันจะสว่างก็จะเห็นเป็นไฟสองคู่ของรถโรงเรียนส่องมาจากหน้าปากซอย ปู่ก็จะเดินไปส่งเราขึ้นรถ พอตกเย็นรถโรงเรียนจะมาส่งเราหน้าบ้านเหมือนเดิมที่ซึ่งปู่จะยืนคอยเราอยู่ก่อนแล้วทุกวัน ปู่จะช่วยเรายกกระเป๋าเดินเข้าบ้าน อาหารว่างอย่างลูกชิ้นหรือไส้กรอกปิ้ง บางทีก็เป็นน้ำเต้าหู้ที่มีปาท่องโก๋แช่อยู่จะวางอยู่บนโต๊ะ เราจะกินไปทำการบ้านไปโดยมีปู่นั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาด้านหลังเรา บางวันที่พ่อแม่เรากลับดึกปู่ก็จะไปอาบน้ำที่บ้านก่อนแล้วมานั่งอยู่เป็นเพื่อนเรา จนกระทั่งพ่อแม่เรากลับมาปู่ถึงจะกลับบ้านไปเข้านอน และเช้าต่อมาเราก็จะได้พบปู่อีกครั้ง


แต่ละวันของการปิดเทอมเราจะได้มีโอกาสเห็นปู่ทั้งซักผ้า สอยมะม่วง เปิดประตูกั้นน้ำให้น้ำไหลเข้าสวน ตักน้ำจากท้องร่องรดต้นไม้ เสียงที่เราคุ้นเคยที่สุดก็คือเสียงไม้กวาดทางมะพร้าวกระทบพื้นซีเมนต์หน้าบ้านขณะที่ปู่กวาดใบไม้ และภาพที่เราเห็นจนชินตาคือภาพของปู่กำลังขี่จักรยาน ตอนเด็กๆ เรามักจะซ้อนท้ายปู่เข้าไปร้านขายขนมข้างๆ วัดแล้วซื้อขนมปูไทยกิน จักรยานของปู่พาปู่ไปทุกแห่ง เราถึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมปู่ถึงได้แข็งแรงขนาดนี้ เรารู้สึกว่าปู่เท่มากๆ เวลาเราได้ไปงานบุญหรืองานศพที่ต้องพบปะผู้คนหลายหลากแล้วทุกคนล้วนเรียกปู่ของเราว่าครู เวลาปู่อยู่กับย่า ทั้งสองมักจะเถียงกันเล็กๆ น้อยๆ เสมอ แต่ปู่กลับไม่เคยบ่นเลยสักครั้งเวลาย่าใช้ให้ไปซื้ออะไร สำหรับเราแล้วปู่กับย่าคือนิยามของคำว่าคู่ชีวิต เพราะมันคงจะต้องวิเศษมากแน่ๆ ถ้าเราจะมีใครสักคนที่ร่วมชีวิตกับเรา และเติมเต็มความสุขให้แก่กันแม้ในยามแก่ชรา และเราก็อยากมีโอกาสได้มอบความรักและความเสียสละให้กับใครโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน แบบเดียวกับที่ปู่ทำให้เรารู้สึกตลอดมา แม้สักครั้งในชีวิตก็ยังดี


ตอนนี้แม้เราจะไม่ได้มีโอกาสอยู่กับปู่แบบเดิม แต่สิ่งที่เรายังพอทำได้ก็คือตั้งใจเรียน ไม่ไว้ผมยาว และไปเยี่ยมปู่กับย่าอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพราะสำหรับเราปู่คือคนสำคัญ ปู่สอนให้เราเห็นถึงความหมายอันยิ่งใหญ่ของคุณค่าทางจิตใจ เลี้ยงดูเรามาจนเราเป็นเราอย่างทุกวันนี้ และไม่ว่าจะเกิดอะไรเราก็ยังจะเป็นเด็กบ้านนอกหลานปู่คนเดิม

3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ3 กรกฎาคม 2552 เวลา 09:56

    อ่านเรื่องของปู่แล้วซาบซึ้ง (น้ำตาแอบคลอ)

    ขอให้ปู่ของบี่มบี๊มมีสุขภาพแข็งแรงไปนานๆน้า

    ปล.ตอนเด็กๆชอบกินปูไทยเหมือนกันเลย 55

    ตอบลบ
  2. สุดยอดอีกแล้วอ่ะ บีม
    และปู่ของบีมก็สุดยอดเหมือนกัน

    และก็ขอให้ปู่ของบีม สุขภาพแข็งแรง มากๆนะ
    ดูแลปู่ดีๆด้วยหละ

    ตอบลบ
  3. คุณปู่น่ารักจังอ่า... TwT

    ปลื้ม..

    ตอบลบ