วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ลิฟท์ค้าง

วันนี้ตอนกำลังจะขึ้นไปเรียน SE ปรากฎว่าไฟดับ ลิฟท์ก็เลยค้างจ้ะ ในลิฟท์มีเราและเพื่อนๆ แล้วก็มีอาจารย์อีกท่านหนึ่งกับพี่ๆ TA อีก 2-3 คน ระหว่างที่ค้างเพื่อนๆ ก็ไม่มีทีท่าตื่นตระหนกกันเลย คุยกันขำขันโดยมีคนที่ยืนรอลิฟท์อยู่ร่วมวงหัวเราะเฮฮาผ่านอินเตอร์คอม ส่วนเราตอนนั้นยอมรับว่ากลัวอะ รู้ตัวก็วันนี้ว่ากลัวที่แคบ ยิ่งติดอยู่ในกล่องเล็กๆ คนแน่นๆ อากาศน้อยแถมยังมืดอีก ก็เลยแอบพานิคเล็กๆ แต่แล้วก็ผ่านไปด้วยดี สิริรวมเวลาไม่ถึง 5 นาทีด้วยซ้ำ ออกมาจากลิฟท์มีคนปรบมือให้อีกต่างหาก เพื่อนๆ ออกมายังคุยกันต่อว่าเย็นนี้ทุกคนจะเอาเรื่องนี้มาเขียน blog กันเถอะ 555+

ป.ล. ตอนนี้เรากำลังติดเด๊กซ์เตอร์สุดฤทธิ์ ซีซั่นแรกว่ามันส์แล้ว ถึงซีซั่น 2 นี่ตายไปเลย ดีกรีความสนานพุ่งปรี๊ดปรอทแตกกระจาย ไอ้เด๊กซ์เตอร์ในซีซั่น 2 นี่บอกได้คำเดียวว่ามันทำตัว แร๊งง์ แรงมาก เพื่อนๆ คนไหนสนใจอยากเป็นโรคติดต่อเดียวกันกรุณาแจ้งความจำนง ณ ที่นี้ ข้าพเจ้าจะฝึกไรท์ดีวีดีจัดส่งให้เป็นการด่วน (แอบโฆษณาชวนเชื่อประหนึ่งโครงข่ายแอมเวย์) ระหว่างนี้ขอเชิญชมคลิปซีนโปรดของเรา สาบานได้ว่านี่มันพระเอกนะ แรงได้อีก

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2552

แพร่ง

Innovative Thinking คราวนี้เรียนเกี่ยวกับกลยุทธ์ใหม่คือการเชื่อมโยงอย่างอิสระ

แพร่งความคิด (Intersection) คือศาสตร์ความรู้หลายๆ อย่างที่เอามาใช้ประโยชน์ร่วมกัน ทำให้เกิดความคิดผสมผสาน (Intersectional Idea) ซึ่งนำไปใช้แก้ปัญหาต่างๆ หรือสร้างสิ่งใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวอย่างที่อาจารย์ยกให้เราดูก็เช่น ภาพยนตร์เรื่อง Dune ของ Frank Herbert ผู้มีความรู้หลายศาสตร์ เคยทำงานหลากหลายอาชีพ จึงสร้างผลงานภาพยนตร์ไซไฟที่ผสมผสานเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างน่าสนใจ เพลง Turbular Bells โดย Mike Oldfield ที่เป็นนวัตกรรมทางดนตรีในยุคนั้นที่นำดนตรีร็อคมาผสมผสานกับดนตรีคลาสสิค ออกมาหลอนจนนำไปประกอบภาพยนตร์เรื่อง Exorcist ที่ว่ากันว่าเป็นภาพยนตร์ที่น่ากลัวที่สุดเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว (แต่ตอนในคาบเรียน ฉากสะพานโค้งลงบันไดอันเลื่องชื่อกลับเรียกเสียงฮาซะงั้น 555+)

อย่างไรก็ตามการเชื่อมโยงความคิดอาจถูกจำกัดโดยสิ่งกีดขวางบางประการ ซึ่งก็มีวิธีกำจัดได้ง่ายๆ ได้แก่ พูดคุยกับคนนอกศาสตร์ ทำกิจกรรมอื่นๆ อุปมาอุปไมย และการกระตุ้นอย่างสุ่ม

อ้อ! อาจารย์ธงชัยยังบอกอีกว่า คนเก่งจะชอบทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย เหมือนที่ไอน์สไตน์เคยพูดไว้เลยว่า เราจะไม่มีทางเข้าใจเรื่องบางเรื่องดีจนกว่าเราจะสามารถอธิบายเรื่องนั้นได้ด้วยข้อความง่ายๆ

2 วิทยากร

การเรียนครั้งนี้ได้รับเกียรติจากวิทยากร 2 ท่านมาบรรยายข้อมูลความรู้ที่เป็นประโยชน์แก่นิสิต

ท่านแรกคือคุณศณพงษ์ ธงไชย ผู้ก่อตั้งองค์กรนักประดิษฐ์ไทย บรรยายเกี่ยวกับนวัตกรรมต่างๆ ตั้งแต่ความก้าวหน้าของมนุษย์ในการสำรวจอวกาศ ไปจนถึงนวัตกรรมสังคมไม่ว่าจะเป็นสิ่งประดิษฐ์ เกม หรือโครงการต่างๆ ที่ล้วนสร้างประโยชน์ให้กับสังคมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ท่านให้พวกเราลองนึกว่าถ้าเกิดมีโอกาสประดิษฐ์นวัตกรรมสังคมขึ้นสักชิ้นเราจะทำอะไร ซึ่งนึกไม่ออกเลยอะ 555+

นอกจากนี้ท่านยังได้นำผลงานต่างๆ มาแสดงทั้งเกมบันไดงูช่วยจำชื่อถนน พริกไทยดำ ลำไยฉีดน้ำเกลือที่กินแล้วไม่ร้อนใน แต่ที่เด็ดสุดคือเม็ดมะรุม กินแล้วโอว์... ซี้ดดด หวานติดปากเลย ดื่มน้ำตามไปทั้งขวดก็ยังไม่หาย ของเขาแรงจริงๆ

อีกท่านคือคุณพลศักดิ์ ปิยะทัต เจ้าของธุรกิจเครื่องฟอกอากาศ Alpine ผู้ประสบความสำเร็จอย่างมากจากแนวคิดที่ไม่เหมือนใคร เช่น การปั๊มผลเสิร์ชให้เวบของตัวเองขึ้นที่หนึ่งใน Google เป็นต้น ที่เราเห็นด้วยมากๆ คือที่ท่านพูดว่าพอคนไทยได้ยินว่าผลิตภัณฑ์นี้ผลิตในประเทศไทยก็จะไม่สนใจทันที เพราะคนไทยมีค่านิยมชื่นชอบของนอกและหมกมุ่นกับคำว่า "นำเข้า" มากเกินไป ทำให้ธุรกิจไทยไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

เรียนจบคาบแล้ว ยังหวานติดปากอยู่เลย...

วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Dexter


ป่านนี้เพื่อนๆ คงรู้กันหมดแล้วนะว่าเรากำลังบ้าซีรี่ย์สเรื่องนี้มาก เพราะแน่นอนว่าเวลาเราบ้าอะไรเรามักจะป่าวประกาศให้ชาวบ้านเขารู้กันอยู่แล้ว 555+


Dexter เล่าเรื่องราวของเด๊กซ์เตอร์ มอร์แกน ชายหนุ่มผู้ทำงานเป็นนักวิเคราะห์การกระจายตัวของเลือดในที่เกิดเหตุให้กับตำรวจในไมอามี่ เขาเป็นพี่ชายที่แสนดีของเด๊บ ตำรวจสาวที่ทำงานที่เดียวกับเขา เขาทำหน้าที่เป็นแฟนหนุ่มที่ดีของริต้า แม่ม่ายสาวลูกติดผู้มีอดีตอันขมขื่น เขาเป็นที่รักของเพื่อนๆ ทุกคนที่ทำงาน แต่ไม่มีใครล่วงรู้ความลับอันดำมืดของเขา แท้จริงแล้วในยามกลางคืนเขาเป็นฆาตกรต่อเนื่องผู้ไล่ฆ่าเหล่าอาชญากรที่กฎหมายไม่สามารถเอาผิดได้


อ่านอย่างนี้แล้วคงรู้ว่าไอ้หมอนี่ไม่ใช่คนดีอะไร เขาไม่ใช่ฮีโร่ แต่เขาเป็นพระเอกของเรื่อง คาแรคเตอร์ของเด๊กซ์เตอร์นั้นน่าสนใจมากๆ ตรงที่เป็นพระเอกในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เราการันตีเลยว่าระหว่างที่ดูแทนที่เราจะลุ้นว่าตำรวจจะตามจับเด๊กซ์เตอร์ได้มั๊ย กลับกลายเป็นว่าเราต้องเอาใจช่วยเด๊กซ์เตอร์ให้อยู่ร่วมในสังคมได้โดยไม่ถูกจับซะก่อน สไตล์การเล่าเรื่องเองก็มีส่วนช่วยในการขัดเกลาคาแรคเตอร์ตัวนี้พอสมควรเลย คนดูจะมองทุกอย่างผ่านมุมมองของเด๊กซ์เตอร์ เราจะได้ยินเสียงความคิดของเขา (ซึ่งขอบอกว่าตลกและกวนตีนมาก) และอย่าเข้าใจผิดว่ามันเป็นซีรี่ย์สหฤโหดเลือดสาดปานนั้น คิดดูขนาดคนที่ดูหนังผีไม่ได้เพราะกลัวขี้หดตดหายอย่างเรายังดูได้เลย แต่เรื่องนี้อาจจะเต็มไปด้วยฉากเซ็กซ์โจ๋งครึ่มหรือคำผรุสวาท F word กระจายกันว่อนก็เท่านั้นเอง ความโหดที่ถูกลดลงไปถูกแทนที่ด้วยการเดินเรื่องรวดเร็วและน่าติดตามสุดๆ บวกกับดีกรีความตลกร้ายแบบเต็มสูบที่ดูแล้วเหมือนกำลังยิ้มทั้งๆ ที่มีเลือดเปื้อนหน้าอยู่ยังไงยังงั้น


อีกอย่างที่ชอบมากๆ คือนักแสดงนำ Michael C. Hall ผู้รับบทเป็นเด๊กซ์เตอร์คือเทพของแท้ บร๊ะเจ้าชัดๆ คือดูแล้วไม่คิดเลยว่าตานี่กำลังแสดงอยู่ เพราะบุคลิกท่าทางทุกอย่างคือเด๊กซ์เตอร์เลย ชีวิตจริงเขาคงจะเป็นฆาตกรต่อเนื่องก็ได้มั้ง ก็เลยงงว่าจากที่แอบไปอ่านดูส่วนมากได้แต่เข้าชิงรางวัลนักแสดงชายทั้งเอมมี่ แสค ลูกโลกทองคำแต่ยังไม่เคยชนะซะที หวังว่าจะได้บ้างเร็วๆ นี้เพราะเราเชียร์สุดใจ


สุดท้ายนี้มีคลิปมาฝาก เป็นไตเติ้ลที่เปิดก่อนฉายซีรี่ย์สทุกตอน เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี แต่อาจจะต้องอาศัยจินตนาการนิดๆ แล้วจะรู้สึกถึงความจิตเล็กๆ ของมัน ดูแล้วรู้เลยว่าไอ้เด๊กซ์เตอร์นี่มันฆาตกรชัดๆ




วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Today It is

ในที่สุดก็ถึงวันสอบจริง เห้อ... ไม่อยากจะเล่าเลยอะเพราะยิ่งคิดย้อนไปก็ยิ่งเจอโน่นเจอนี่ที่ทำผิด เซ็งมากๆ เลยอะอุตส่าห์ขยันอ่านอยู่หลายเดือน ถึงตอนสอบจริงจะพอควบคุมสติได้บ้างอะไรบ้าง แต่ก็ยังพลาดโน่นพลาดนี่เยอะแยะไปหมด เปปทีนก็อุตส่าห์ซื้อกินนะ เสียใจจัง...

สรุปว่าตอนนี้ขอไม่เล่าอะไรมากมายดีกว่าเพราะไม่อยากรื้อฟื้น ได้แต่รอผลไป ยังไงก็กลับไปแก้อะไรไม่ได้อยู่ดี ทำไมเวลาเราตั้งใจกับอะไรมากๆ แล้วต้องลงเอยอย่างนี้ทุกทีเลยสิน่า เอาเถอะๆ อย่าไปคิดมากเลย ยังไงก็สอบใหม่ได้ถ้าไม่พอใจ มีใครอยากจะพอสงเคราะห์เงินทุนมั๊ยจ๊ะ อิอิ

วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2552

1 Day Before ...

คาบนี้มาเรียนโดยตั้งใจว่าวันนี้จะไม่ขอหักโหมซ้อมจั๊กกลิ้งอย่างสัปดาห์ก่อนเพราะเล่นเอาช่วงล่างไร้สมรรถภาพไปเลย แถมวันรุ่งขึ้นยังต้องไป... อืงง์... สอบโทเฟลด้วย ตื่นเต้นๆๆๆ ปรากฎว่าอาจารย์ติดธุระมาสอนช้า ให้นิสิตซ้อมโยนจั๊กกลิ้งไปพลาง... แง้! แต่เอาวะเป็นไงเป็นกันก็เลยซ้อมไปตามอัตภาพ โชคดีคราวนี้ผลข้างเคียงไม่รุนแรงไม่งั้นมีหวังต้องเดินขาถ่างไปสอบ

การเรียนวันนี้ก็เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งก็คือการคิดนอกกรอบ ประเด็นคือจะคิดนอกกรอบได้ เราต้องรู้เสียก่อนว่าอะไรคือกรอบ นั่นก็คือทำตัวอยู่ในกรอบ ขวนขวายหาความรู้จนรู้ว่ากรอบสุดตรงไหน จากนั้นแหละจะติสต์แตกออกแนวตะเข็บชายแดนอะไรก็ตามสบาย วิธีเด็ดๆ อันหนึ่งคือการย้อนกลับสมมติฐาน ยกตัวอย่างเช่น อยากเปิดร้านอาหารที่แหวกแนวไม่ซ้ำใคร ก็เริ่มจากตั้งสมมติฐานเกี่ยวกีบร้านอาหาร อย่างร้านอาหารต้องมีพ่อครัว ลองย้อนกลับดูดิ ก็จะได้ว่าเราจะทำร้านอาหารที่ไม่มีพ่อครัวได้มั๊ย เช่น ร้านอาหารที่ให้ลูกค้าเอาอาหารมากินเอง เป็นต้น เด็ด!

พอบ่ายสามผลการประเมินจุดเด่นก็มาถึง จุดเด่น 5 ด้านของเราก็อืม... โอเคไม่ได้น่าประหลาดใจอะไรนัก ก็คือมีความสามารถในการรักและถูกรัก การชื่นชมในความงามและความเป็นเลิศ อารมณ์ขันและความขี้เล่น ความกตัญญู แล้วก็ความระมัดระวัง ความสุขุมและวิจารณญาณ ไม่มีอันไหนไม่ตรงนักหนานะ โดยรวมก็โอเคล่ะ...

เพราะว่าเรื่องของเรื่องคือ...

วันรุ่งขึ้นจะสอบโทเฟลแล้ววว!!!