วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

หนีตามกาลิเลโอ


เพิ่งได้ดูเรื่องนี้มา ฮูเร่! สนุกดีนะ เราชอบมากๆ เลย ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ก็คือคนเดียวกับ Seasons Change นั่นแหละ ขี้เกียจจำว่าชื่ออะไร แต่จะบอกว่าตาคนนี้ทำหนังเรื่องไหนเป็นได้ตรงกับชีวิตเราช่วงนั้นพอดี อย่างตอนเรื่องแรกนั่นก็รู้สึกจะดูตอนปี 1 ซึ่งกำลังแซ้ดเล็กๆ ที่มาเรียนวิศวะ เนื้อเรื่องของพระเอกเรื่องนั้นมันช่างตรงสุดๆ พอมาเรื่องนี้ก่อนอื่นขอแนะนำว่าคนที่เคยไป Work & Travel ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะความรู้สึกของการเป็นคนนอกในต่างแดน หรือพูดง่ายๆ คือเป็นกะเหรี่ยงนั่นเอง ในเรื่องนี้ช่างสื่อได้ดีเหลือเกิน (จริงๆ อาจไม่ได้ดีเท่าไหร่หรอกแต่เผอิญไม่มีหนังเรื่องไหนที่นำเสนอด้านนี้เลย) พฤติกรรมของเด็กไทยอันลือเลื่องอย่างเช่นด่าฝรั่งต่อหน้าด้วยภาษาไทยเพราะมันฟังไม่รู้เรื่อง หรือนิสัยภาคภูมิใจกับการได้ลักเล็กขโมยน้อยและไม่เคยมองว่ามันเป็นเรื่องผิดตรงไหน เราดูไปก็ได้แต่อุทานว่า ...ข้าก็เคยทำแบบนี้มาแล้ว เอาเป็นว่าโดนมากมายขอบอก


เราอยากพูดถึงนักแสดงเรื่องนี้มาก เริ่มจากต่ายก่อนละกัน จะพูดว่าเล่นดีที่สุดในเรื่องก็คงจะไม่เกินจริงไปนัก เธอคนนี้สามารถจริงๆ ขอการันตี เพราะนอกจากบุคลิกจริงจะดูคล้ายๆ กับตัวละครแสนห่ามและหัวแข็งของเธอแล้ว ซีนอารมณ์ทุกอันก็แสดงได้ขาดลอย ซดน้ำตาโฮกๆ กินอิ่มละงานนี้ แววนักแสดงวัยรุ่นตัวแม่เริ่มจับสุดๆ ต่อมาก็เต้ย แลคโต๊ะ! น่ารักมาก แบบอภิมหาโศกวิโยคภัยมากจริงๆ อะ คือเหมือนไม่ได้แสดงเพราะเป็นคนแบบนั้นจริงๆ บ๊องๆ โก๊ะๆ แต่เจือกไม่หยุดน่ารักเลยซักวิอะ ไม่รู้จะบรรยายยังไงไปดูเอาเองละกัน แค่จะบอกว่าเห็นคาแรคเตอร์เต้ยแล้วนึกถึงเพื่อนหลายๆ คนที่เคยไปเวิร์คด้วยกัน นิสัยหลายคนเป็นแบบตัวละครนี้จริงๆ สุดท้ายก็เรย์ ก็อีกคนที่หยั่งกะไม่ได้แสดง คือติสท์แตกเป็นอาจิณอยู่แล้ว ก็เลยเห็นยังไงก็หยั่งงั้นแหละ


เรื่องนี้มีหลายซีนที่ประทับใจมาก เราชอบฉากที่เต้ยโดนตำรวจจับมาก คือดูแล้วมีอารมณ์ร่วมสุดๆ เพราะแอบมีประสบการณ์ตรงนิดนึง ตอนนั้นเด็กไทยถูกไล่ออกจากงานอะแล้วบรรยากาศมันแบบนี้เลย คือเราก็ได้แต่ยืนมองเพื่อนเซ็นเอกสารแล้วก็เดินออกไป อยากจะช่วยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ขณะที่ฝรั่งแถวนั้นมันก็ยืนมองแค่กะเหรี่ยงคนหนึ่งที่โดนไล่ออกจากงานอะ ความรู้สึกมันคอยย้ำว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านของเรา เราเป็นเพียงคนนอกในประเทศของเขาและไม่มีใครจะใส่ใจช่วยเหลืออะไรเราหรอก เหงาได้อีก อีกฉากที่แนวมากคือตอนที่สื่อสารในร้านขายยาด้วยทอล์คกิ้งดิกท์ ที่กดเสียง f*ck you ซ้ำๆ พร้อมกับกล้องที่แพนออกมาด้านนอกร้านนี่ฮาปนเศร้าสุดๆ อีกฉากไอเดียเจ๋งๆ ก็ตอนชูป้ายภาษาไทยบนถนนชองซาลิเซ่นั่นแหละ ช่างคิดแถมโรแมนติกดี นอกนั้นซีนอารมณ์ทั้งหลายที่ต่ายโซโล่เดี่ยว ก็เศร้าได้โล่ ยอมรับว่าอินอย่างแรง รวมถึงตอนที่เต้ยทำอะไรก็ตามบ้าบอคอแตก อยากจะบอกนะว่าขำมาก น่ารักตะพึดตะพือ และเหนือสิ่งอื่นใด เพลงแค่ได้คิดถึงของญารินดาในฉากจบ กรี๊ด! ยอดเยี่ยมที่สุด ในที่สุดก็มีคนเล็งเห็นถึงความวิจิตรทุกกระเบียดนิ้วของเพลงนี้เสียที เข้ากั๊นเข้ากันกับฉากหลังของยุโรป และมิตรภาพอันงดงามของสองสาว


ก็ขอฝากให้ไปดูเรื่องนี้โดยเฉพาะคนที่เคยมีประสบการณ์เป็นกะเหรี่ยงในต่างแดน เรื่องนี้มันไม่สมบูรณ์แบบหรอก ข้อบอพร่องถ้าจะให้พูดจริงๆ ก็เยอะแหละ แต่ความโดนใจมันบังตาไปหมดแล้ว เราชอบเรื่องนี้มากกว่า Seasons Change อยู่มากด้วยความที่มีธีมที่ทั้งแปลกและแตกต่าง บอกเล่าเรื่องราวที่ไม่เหมือนใครซึ่งเป็นแง่มุมที่ช่วยเตือนสติใครหลายๆ คนได้ดีมาก สองสาวมีต้นเหตุในการเดินทางด้วยกันครั้งนี้แตกต่างกัน แต่เหมือนกันตรงที่ต่างก็เดินทางเพื่อพิสูจน์บางสิ่ง (ก็เลยเป็นที่มาของชื่อกาลิเลโอ) อย่างไรก็ดีสิ่งที่ทั้งสองได้พิสูจน์ว่าแล้วเป็นสัจนิรันดร์ กลับเป็นมิตรภาพของเธอทั้งสองแทน


...จบซะเน่าเชียวกรู

3 ความคิดเห็น: